ท่ามกลางกระแสเชี่ยวกรากในตลาดแข่งขันสูงปัจจุบัน ที่โรงพิมพ์บรรจุภัณฑ์หลายท่านถึงกับออกปากว่าเป็นยุคปราบเซียน แต่เดี๋ยวก่อน ท่านรู้หรือไม่ ภาพรวมของธุรกิจบรรจุภัณฑ์กระดาษในปี 2560 นี้มีมูลค่ากว่า 180,000 บาทเติบโตถึง 5% เชียวนะ
แม้ผลผลิตอุตสาหกรรมยังอ่อนแรงลงส่งผลให้บรรจุภัณฑ์อาจดูเหงาหงอยไปบ้าง แต่ทำไมยังมีการเติบโตได้ถึง 5% และเราควรปรับตัวอย่างไรให้เติบโตได้ดีกว่าเดิม
- เกาะกระแสออนไลน์ รุกตลาดรายย่อย
ผู้ประกอบทั้งรายเล็กและรายใหญ่หันมาใช้การตลาดออนไลน์ช่วยในการเติบโต และเป็นช่องทางที่เข้มข้นขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก การเกิดใหม่ของผู้ประกอบการรายย่อย และ START UP มีความจำเป็นต้องใช้บรรจุภัณฑ์ในแบรนด์ของตัวเอง โดยคาดการณ์ว่าในปี 2560 มูลค่าธุรกิจการซื้อขายสินค้าออนไลน์ B2C E-Commerce ที่ 2 แสนล้านบาท จะเพิ่มขึ้นเป็น 3.5แสน ล้านบาทในปี 2563 (ที่มา:ศูนย์วิจัยกสิกรไทย) ตลาดรายย่อยจึงเป็นตลาดที่เราควรจับตามอง! - ครบวงจรและยืดหยุ่น
การบริการที่ครบวงจรเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลูกค้าประหยัดเวลาและหยุดที่เราไม่วิ่งหารายอื่นๆ (วันนึงมี 24 ชั่วโมงนี่นา ใครจะอยากปวดหัวจริงไหม) การบริการที่ยืดหยุ่นกว่าทั้งเวลาและปริมาณจะเป็นทัพหน้าให้คุณชนะ - รับงาน จำนวนน้อยชิ้น ยืดหยุ่นสอดคล้องกับรายย่อย
อาจจะเป็นเรื่องกวนใจอยู่บ้างหากที่ต้องทำงานจำนวนน้อยให้กับผู้ประกอบการรายย่อยในโลกออนไลน์ แต่ด้วยเทรนด์การทำการตลาดแบบนี้ โรงพิมพ์จะสามารถสร้างกำไรได้สูงขึ้นอย่างแน่นอน - บริหาร Supply Chain ของคุณให้ดี
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเราจะวางกลยุทธ์อะไรสักอย่างที่นอกเหนือจากความควบคุมของตัวเองได้ยาก หากต้องการส่งงานเร็วและบริหารยืดหยุ่น คุณควรมี Partner ทางธุรกิจที่ยืดหยุ่นเช่นกัน มิเช่นนั้นแล้วต้นทุนจะไปตกอยู่กับคุณ
จะเห็นได้ว่ากระแส THAILAND 4.0 ก็มีส่วนช่วยให้ธุรกิจบรรจุภัณฑ์สร้างโอกาสใหม่ๆ เพิ่มเติมได้โดยอาจจะไม่ต้องลงทุนสูงเลยนะครับ เพียงแต่อาจจะต้องยกเครื่องกระบวนการผลิตให้มีความยืดหยุ่นและควบคุมต้นทุนได้ดี รวมไปทั้งหาซัพพลายเออร์ด้านต่างๆ ที่พร้อมจะช่วยให้คุณทำงานง่าย ได้ผล เพียงแค่นี้ก็ทำให้งานทั้งหน้าบ้านและหลังบ้านเป็นเรื่องสบายๆ แล้วครับ